บทความที่ได้รับความนิยม

วันอาทิตย์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2556

กินอะไรบำรุงสายตา


กินอะไรบำรุงสายตา

เคยสงสัยไหมคะว่าทำไมเวลามาตรวจตา ผู้ป่วยบางคนได้วิตามินบำรุงสายตากลับบ้านไป บางคนกลับบ้านตัวเปล่ายาหยอดตาก็ไม่ได้ อายุก็พอๆ กันแท้ๆ แต่ทำไมถึงได้ยาไม่เหมือนกัน แล้วเมื่อไรคุณหมอจะสั่งวิตามินบำรุงสายตา คำถามเหล่านี้อาจเกิดขึ้นในใจหลายๆ คน มาดูกันว่าใครที่สมควรได้วิตามินบำรุงสายตาบ้างผลวิจัยในสหรัฐอเมริกาพบว่าการให้วิตามิน C, E เบต้าแคโรทีน, ธาตุสังกะสี, และธาตุทองแดง มีประโยชน์ในการชะลอการเสื่อมมากขึ้นของผู้ป่วยที่เป็น โรคจอประสาทตาเสื่อม


ตั้งแต่ระดับกลางขึ้นไป (Moderate Age-Related Macular Degeneration) ทั้งนี้ในผู้ป่วยที่มีโรคจอประสาทตาเสื่อมเพียงเล็กน้อยอาจไม่ได้ประโยชน์เท่าไรนักจากการรับประทานวิตามินดังกล่าว หมอตาจะเป็นผู้ประเมินระดับความเสื่อมของจอประสาทตาจากการขยายม่านตา ดังนั้นถ้ามาตรวจตาแล้วไม่ได้วิตามินกลับไปรับประทานก็อย่าเสียใจค่ะ นั่นแสดงว่าจอประสาทตายังสุขภาพดีอยู่หรือผิดปกติเพียงเล็กน้อยเท่านั้นถ้าอย่างนั้นเรามีวิธีการบำรุงสายตาโดยการทานอาหารเสริมได้หรือไม่? จากการวิจัยของแพทย์ในสหรัฐอเมริกาและหลายประเทศ พบว่าการรับประทานอาหารเสริมที่มีสารอาหารดังต่อไปนี้มีส่วนช่วยในการบำรุงสายตาได้


1. วิตามิน A – เป็นสารที่ช่วยในการทำงานของจอประสาทตาและมีบทบาทสำคัญในการมองเวลากลางคืน ซึ่งพบมากในผักจำพวก ชะอม คะน้า ยอดกระถิน ตำลึง ผักโขม ฟักทอง

2. วิตามิน B – มีการศึกษาพบว่าวิตามิน B1 และ B12 อาจมีบทบาทในการชะลอการเกิดต้อกระจกได้ โดยแหล่งที่มีวิตามินชนิดนี้มาก ได้แก่ ตับ ไข่ เนื้อสัตว์ นมสด

3. วิตามิน C – เป็นที่รู้จักกันดีของการชะลอความแก่ของร่างกายด้วยคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) นอกจากนั้นยังอาจช่วยชะลอการเกิดต้อกระจกได้อีกด้วย ผลไม้ที่มีวิตามิน C มาก ได้แก่ ฝรั่ง ส้ม สับปะรด มะขามป้อม ส่วนผัก ได้แก่ กะหล่ำดอก บร็อคโคลี่
4. วิตามิน E – ก็เป็นวิตามินอีกตัวหนึ่งที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระซึ่งมีอยู่ในเซลล์รับแสงที่จอประสาทตา และจากการศึกษาพบว่าอาจมีบทบาทช่วยชะลอการเกิดต้อกระจกเช่นเดียวกัน พบได้ใน น้ำมันธัญพืช น้ำมันดอกคำฝอย ข้าวโพด ถั่วเหลือง
5. เบต้าแคโรทีน (betacarotene) – เป็นสารตั้งต้นของวิตามิน A ซึ่งมีบทบาทในการต้านอนุมูลอิสระและช่วยในการมองเห็นในกลางคืนเช่นเดียวกับวิตามิน A พบมากในผักผลไม้ที่มีสีเหลืองส้ม เช่น แครอท มะละกอ ข้าวโพดอ่อน หน่อไม้ฝรั่ง ผักบุ้ง ข้อควรระวังคือการรับประทานเบต้าแคโรทีนในรูปอาหารเสริมมากไปในคนที่สูบบุหรี่จะเพิ่มโอกาสการเกิดมะเร็งปอดได้
6. ลูทีน และ ซีแซนทิน (lutein and zeaxanthin) – เป็นส่วนประกอบสำคัญที่พบในจุดรับภาพที่จอประสาทตาและเลนส์ตา มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ จากการศึกษาพบว่ามีส่วนช่วยในการชะลอการเกิดต้อกระจกและโรคจอประสาทตาเสื่อม พบมากใน ผักโขม ไข่แดง ข้าวโพด บร็อคโคลี่
7. ซีลีเนียม (selenium) – เป็นสารอีกตัวหนึ่งที่ต้านอนุมูลอิสระและอาจช่วยชะลอการเกิดต้อกระจก โดยพบได้ใน หอยนางรม หอยลาย ตับไก่ เมล็ดทานตะวัน
8. สังกะสี (zinc) – มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ จากการศึกษาพบว่ามีส่วนช่วยในการทำให้จอประสาทตาเสื่อมที่เป็นอยู่แล้วเป็นช้าลง โดยแหล่งที่พบสังกะสีได้แก่ หอยนางรม ตับ เนื้อสัตว์
9. สารสกัดจากใบแปะก๊วย (Ginkgo biloba) – นอกจากคุณสมบัติเพิ่มเลือดไหลเวียนไปที่สมองแล้วยังมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ เกี่ยวกับสายตาพบว่าอาจช่วยรักษาลานสายตาผิดปกติในต้อหินบางชนิดได้
10. โอเมก้า 3 (omega-3) – เป็นกรดไขมันที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาภาวะตาแห้ง ซึ่งพบมากในปลาทะเล เช่น ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน ผลไม้ที่พบได้เช่น ผลกีวี่จะเห็นได้ว่าอาหารที่มีคุณสมบัติบำรุงสายตานั้นมีอยู่รอบๆ ตัวเรา หลายชนิดที่สามารถปลูกเป็นพืชผักสวนครัวได้ ดังนั้นคุณก็สามารถถนอมสายตาและมีสุขภาพดีได้โดยไม่ต้องใช้ยาบำรุงใดๆ เลย บทความโดย: พ.ญ.ปรียทรรศน์ ศุขโรจน์โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น